เป้าหมาย ‘Google Cloud’ มุ่งสู่การเติบโตขององค์กรด้วยการผลักดัน Gen AI อย่างมีประสิทธิภาพ
Google Cloud พยายามเพิ่มการเติบโตในธุรกิจด้วยการผลักดันเทคโนโลยี Generative AI
การประชุม Google Cloud Next ปีนี้ที่ซานฟรานซิสโกได้เห็นบริษัทประกาศผลิตภัณฑ์และบริการที่โฟกัสที่เทคโนโลยี Generative AI อย่างมาก
Thomas Kurian ซีอีโอของ Google Cloud กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำเนิดใหม่ว่าเป็นหนึ่งใน “การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สุดในประวัติศาสตร์” ในระหว่างการกล่าวเปิดการประชุมพันธมิตรและลูกค้า Google Cloud Next ปี 2023
ความยิ่งใหญ่ของ Generative AI ที่หลายคนมองว่าอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการแย่งงาน แย่งอาชีพของคนที่ขาดทักษะทางด้านดิจิทัล แต่ในอีกมุมหนึ่ง Gen AI ได้เข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ หรือไอเดียใหม่ๆ ในการทำงาน รวมถึงเป็นส่วนช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Generative AI เป็นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ และพัฒนาอย่างรวดเร็วพร้อมกับความท้าทายที่ซับซ้อน โดย Gen AI กำลังเปลี่ยนพื้นฐานวิธีการที่ผู้คนโต้ตอบกับเทคโนโลยี และที่ Googleได้ พัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ เพื่อให้เราสามารถนำโมเดลเหล่านั้นมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของเราได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ Generative AI ที่ได้รับทุนสนับสนุนทั้งหมดจาก Google Cloud คือ “Generative AI…ที่สามารถสร้างเนื้อหาใหม่ๆ เช่น ข้อความ รูปภาพ รหัส คำพูด หรือเสียง โดยการเรียนรู้รูปแบบและโครงสร้างของข้อมูลที่มีอยู่ และสร้างข้อมูลใหม่ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันได้ ”
Darryl Mckinnon: Source CNN NEWS
Darryl Mckinnon ผู้อำนวยการประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ของกูเกิล เวิร์กเพลส กล่าวถึงข้อมูลของ McKinsey พบว่า 75% ของบริษัทชั้นนำอาศัย Gen AIในการสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อแก้ไขปัญหาที่พบบ่อย ๆ ทั้งงานบริการลูกค้า การตลาดและการขาย วิศวกรรมซอฟต์แวร์ และการวิจัยและพัฒนา
Gen AI มอบความสะดวกสบายในการใช้งานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน ชีวิตส่วนตัว รวมไปถึงอาชีพของผู้คน ใครก็ตามที่รู้วิธีถามคำถามเกี่ยวกับเครื่องมือค้นหา จะสามารถใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน เพื่อโต้ตอบกับ Chatbot AI หรือตัวแทนเสมือนเชิงสร้างสรรค์ได้ โดยให้ระบบตอบคำถาม สร้างเนื้อหา สร้างภาพ สรุปเอกสาร และอื่นๆ ได้มากมาย
ก่อนที่ Google จะเริ่มนำเสนอ Generative AI สำหรับชุดเครื่องมือการทำงานบนระบบคลาวด์ในชื่อ ‘Duet AI’ ที่ปัจจุบันเปิดให้ผู้ใช้งานบริการ Google Workspace แบบชำระค่าบริการ สามารถเข้าถึงเครื่องมือนี้ได้ทันที หรือแปลว่าผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านรายมี Duet AI มาช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นแล้ว
ความสามารถที่น่าสนใจของ Duet AI หลายๆ อย่างถูกคิดค้นมาเพื่อช่วยลดระยะเวลาในการทำงานของผู้ใช้ลง อย่างเช่นการให้ Duet AI ช่วยสรุปเนื้อหาการประชุมใน Google Meets ก่อนส่งให้ผู้เข้าร่วมประชุมใน Gmail ที่สามารถประยุกต์ใช้โดยให้ Duet AI เข้าประชุมแทนในกรณีที่ติดงานอื่นอยู่ก็ทำได้
Source Google Workspace
นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งให้ Duet AI ช่วยร่างอีเมล ปรับภาษาที่ใช้ให้มีความเป็นทางการมากขึ้น หรือปรับสำนวนให้เข้าใจได้ง่าย ช่วยเตรียมเนื้อหาสำหรับการนำเสนอใน Google Docs ไปจนถึงการใช้งานในการทำไฟล์นำเสนอ (Presentation) อย่างช่วยหารูปประกอบที่เหมาะสมใน Google Slides เป็นต้น
ความแตกต่างระหว่าง Google Bard ที่ใช้งานได้ฟรี กับ Duet AI ที่มีความสามารถหลากหลาย ผสมผสานเข้าไปกับชุดโปรแกรมสำหรับการทำงาน ที่สำคัญคือเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเนื่องจาก Duet AI จะไม่มีการเก็บข้อมูลที่นำไปประมวลผลต่างๆ ทำให้ผู้ใช้งาน Google Workspace มั่นใจได้ว่า การใช้งาน Generative AI นี้ จะอยู่บนมาตรฐานการรักษาความลับเดียวที่เชื่อถือได้
นอกจากนี้ Google Cloud ยังได้เริ่มนำเสนอโมเดลสำหรับ Vertex AI ที่เรียนรู้แบบเฉพาะทางเข้าไปลงลึกในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น การเงิน โรงงานผลิต อุตสาหกรรมเกมส์ หรือแม้แต่ในส่วนของธุรกิจไซเบอร์ซิเคียวริตีก็สามารถนำ AI มาใช้ในการตรวจจับภัยคุกคามเพิ่มเติม รวมถึงคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้น และแนวทางในการป้องกัน
การเดินหน้าให้บริการ Generative AI ของ Google Cloud ในครั้งนี้ นับเป็นการเปิดเกมรุกทั้งในฝั่งของผู้บริโภคทั่วไปที่สามารถเข้าถึงบริการได้ฟรีผ่าน Google Bard และในฝั่งของภาคธุรกิจที่สามารถนำ Vertex AI ไปใช้ในการพัฒนา Gen AI เพื่อใช้งานภายในองค์กร ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นว่าในช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา มีลูกค้าในฝั่งธุรกิจสนใจใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 150 เท่าทั่วโลก
ทำให้กลายเป็นว่าตอนนี้ การเรียนรู้ทักษะในการสั่งงาน Gen AI จะกลายเป็นอีกหนึ่งทักษะดิจิทัลที่พนักงานควรเรียนรู้ และใช้ประโยชน์เพื่อช่วยลดระยะเวลาในการทำงานลง และเพิ่มเวลาในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่จำเป็นต่อไป