เมื่อเทรนด์ ECO มาแรงต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภครักษ์โลกมากขึ้น
เราเชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้อาจจะมีความสนใจในเรื่อง Eco หรือเทรนด์รักษ์โลก การสังเกตกระแสรอบตัวจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้คนกำลังให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น พวกเราเห็นความสำคัญของการสร้างความยั่งยืนให้กับโลกเมื่อมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เราขอนำผลสำรวจบางส่วนมาเสนอเพื่อแสดงให้เห็นว่าเทรนด์ Eco กำลังมีอิทธิพลและเข้ามาในชีวิตของเราอย่างมีนัยสำคัญ
การศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคในหลายประเทศจาก Kantar แสดงให้เห็นว่ามีการเพิ่มขึ้นของกลุ่มคนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังถึง 20% จากปีก่อน ซึ่งมีความสนใจเกี่ยวกับ Eco โดยเฉพาะ มีจำนวน 5 ประเด็นที่ผู้คนสนใจ เช่น โลกร้อน, ขยะพลาสติก, มลพิษทางน้ำ, ภาวะขาดแคลนแหล่งน้ำ และมลพิษทางอากาศ
นอกจากนี้ รายงานจากศูนย์วิจัย Hill Asean ยังพบว่า 86% ของผู้บริโภคในอินโดนีเซีย, เมเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น และไทย มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเลือกใช้ชีวิตอย่างจริงจัง และมี 80% ที่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อม
สำรวจจากมหาวิทยาลัยมหิดล (CCMU) ยังพบว่า 74% ของผู้บริโภคชาวไทยมีแนวโน้มเลือกใช้สินค้าและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยมี 37.6% ที่กำลังมองหาสินค้า Eco เท่านั้น
นอกจากนี้ Kantar ยังระบุว่ากลุ่ม Eco – Actives ซึ่งเป็นผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและดำเนินชีวิตอย่างมีเจตนา มีมูลค่าตลาดสูงถึง 446 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กลุ่ม Eco – Dismissers มีจำนวนลดลงเรื่อย ๆ
เทรนด์ ECO เข้ามาแทรกซึมในอุตสาหกรรมไหนบ้าง
Beauty อุตสาหกรรมความงาม
เทรนด์ Eco ได้เข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น ในตลาดอุตสาหกรรมความงามพบว่าผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับส่วนผสมและความยั่งยืนในสินค้าความงามที่ซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องสำอางหรือสกินแคร์จากธรรมชาติและวีแกนนั้นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลสำรวจพบว่าผู้บริโภคซื้อสินค้าสำหรับผิวหน้าและผิวกายที่มีส่วนผสมตามธรรมชาติโตขึ้น 18% ของยอดขายในปี 2017 ส่วนในปี 2021 คิดเป็น 24% ของยอดขายที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคตอย่างแน่นอน
ตัวอย่างแบรนด์ที่ทำแคมเปญ Eco แล้วประสบความสำเร็จ คือ Lancôme ผ่านการใช้แฮชแท็ก #BeYourOwnIDOLE เพื่อประกาศอย่างชัดเจนว่าเป็นแบรนด์น้ำหอมที่มีขวดบางที่สุดในตลาดเพราะใส่ใจสิ่งแวดล้อม แล้วยังบอกอีกว่าน้ำหอมที่ผลิตนั้นจะคำนึงถึงโลกและทรัพยากรในอนาคต เพราะใช้วัตถุดิบที่มาจากแหล่งการผลิตที่ยั่งยืน
Sustainable Fashion อุตสาหกรรมแฟชั่น
อุตสาหกรรมแฟชั่นก็เริ่มให้ความสนใจกับเทรนด์ Eco มากขึ้น เรียกให้เข้าใจง่ายก็คือแฟชั่นที่ยั่งยืน หรือ Eco Fashion เป็นการผลิตสินค้าแฟชั่นที่ให้ความสำคัญสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงกระบวนการผลิตและอายุการใช้งาน ไม่ใช่แค่วัสดุที่นำมาใช้ แบรนด์ดัง ๆ หลายเจ้าเริ่มปรับตัวมากขึ้น ใส่ใจสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น โดยมีการคัดสรรวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับโลก ใช้วัสดุในการผลิตที่มาจากเส้นใยพืช 100% หรือวัสดุรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด กระบวนการผลิตต้องใช้พลังงานน้อยที่สุด การส่งผลไม่ก่อให้เกิดมลพิษเป็นต้น
ตัวอย่างแบรนด์ที่หันมาใส่ใจเทรนด์ Eco คือ Dry Clean Only เป็นแบรนด์ไทยที่ดังไกลไปต่างชาติ เจ้าของแบรนด์คือคุณปฏิพัทธ์ ชัยภักดี ที่ใช้ความครีเอทนำเอาเสื้อผ้าวินเทจมือสอง เสื้อผ้าเก่ามาฟื้นคืนชีพให้กลายเป็นชิ้นงานใหม่ สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และยังเลือกใช้วัสดุที่ไม่พึ่งพากระบวนการทางเคมี หรือย้อมสีใด ๆ จากอุตสาหกรรมเพื่อลดการปล่อยมลพิษ สร้างสรรค์แล้วยังรักษ์โลกอีก
Green Investment อุตสาหกรรมอสังหาฯ
ช่วง 1-2 ปีมานี้เทรนด์ Eco ก็แทรกซึมเข้ามาในอุตสาหกรรมอสังหาฯ เช่นกัน ผลสำรวจจาก Global Buyer Survey 2021 บอกว่าผู้บริโภค 84% ให้ความสำคัญกับการมองหาบ้านประหยัดพลังงาน ซึ่งในจำนวนนี้มี 28% ต้องการซื้อบ้านประหยัดพลังงาน โดยพิจารณาเป็นปัจจัยหลัก และยังให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยที่กว้างมากขึ้น โดยเทรนด์ที่มาแรงได้แก่ บ้านปรหยัดพลังงาน บ้านที่ช่วยดูแลสุขภาพและบ้านที่มีความยืดหยุ่น
โดยในอุตสากรรมนี้ก็รวมถึงเฟอร์นิเจอร์รักษ์โลก (Green Furniture) ด้วยเช่นกัน เป็นการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้วัสดุและการบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม มีหลายแบรนด์ที่เข้าเทรนด์ Eco เลยนะ เช่น IKEA ที่ผลิตเฟอร์นิเจอร์บางประเภทเป็น Eco, แบรนด์คนไทย Osisu, Mary fo Round, Wood Composit Plastic และอีกมากมาย
อุตสาหกรรมอุปโภคบริโภค (FMCG)
FMCG (Fast Moving Consumer Goods) คือสินค้าที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันทุกวัน ใช้แล้วหมดไป เช่น เครื่องดื่ม ของกินของใช้ สบู่ แชมพู หรืออื่น ๆ ซึ่งในอุตสาหกรรมนี้เทรนด์ Eco ถือว่ากำลังเติบโตและเป็นที่นิยมมากขึ้น ทั้งแบรนด์เล็กและแบรนด์ใหญ่ต่างก็หันมารักษ์โลกยิ่งขึ้น เช่น มีการใช้บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติ หรือกระบวนการผลิตที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น
Nestlé ที่มีการเปิดตัวไอศกรีมรสใหม่ แถมโปรโมตการใช้แพ็กเกจจิ้งที่ย่อยสลายง่าย เพื่อแสดงถึงการรักษ์โลกของแบรนด์นั่นเอง หรือ Milo แบรนด์ในเครือ Nestlé ออกแคมเปญ #เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้ อยากให้คนลดการใช้พลาสติก โดยแบรนด์หันมาเปลี่ยนจากหลอดพลาสติกมาใช้หลอกกระดาษที่เป็นมิตรต่อโลกแทน พร้อมทั้งใช้บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี
แน่นอนว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสุดล้ำก็มีเทรนด์ Eco ด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าจะธุรกิจสายไหนก็ต้องปรับตัวตามโลกและพฤติกรรมผู้บริโภคยังไงล่ะ ในสายตาผู้บริโภคยุคนี้ชอบความล้ำสมัยอยู่แล้ว หากแบรนด์สามารถผลิตสิ่งล้ำสมัยและยังช่วยแก้ปัญหาสังคม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมันเป็นอะไรที่เจ๋งมาก ๆ ดูจากกระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดก็ทำให้รู้ว่าผู้คนหันมาใส่ใจโลกมากขึ้น
มีหลายแบรนด์ที่หันมารักษ์โลกขึ้น ยกตัวอย่างเช่น Cotto Air ion กระเบื้องฟอกอากาศดักจับฝุ่น PM 2.5 ทำให้ผู้ใช้รับอากาศสดชื่น โดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเลย หรือ AI Supervisory for Energy Analytics เทคโนโลยี AI ที่ใช้ตรวจสอบการทำงานของเครื่องจักรที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 806 ตันคาร์บอนต่อปี
ใครที่มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ควรหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและรักษ์โลกมากขึ้นได้แล้วนะ เดี๋ยวตามเททรนด์ Eco ไม่ทันชาวบ้าน นอกจากจะช่วยให้สร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ดีแล้ว อาจจะได้ลูกค้ารักษ์โลกเพิ่มขึ้นด้วย
ขอบคุณที่มา: digimusketeers