ส่องเทรนด์แห่งอนาคตจากงาน Google Cloud Next 2025

AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจไปตลอดกาล

ส่องเทรนด์แห่งอนาคตจากงาน Google Cloud Next 2025

ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของธุรกิจ และแนวโน้มเหล่านี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นหลังจากงาน Google Cloud Next 2025 งานประชุมด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่รวมผู้นำทางธุรกิจ นักพัฒนา และองค์กรระดับโลกไว้ในที่เดียว

คำถามที่หลายคนเริ่มถามไม่ใช่แค่ว่า “AI จะมาแทนคนหรือไม่?” แต่กลายเป็นว่า “องค์กรเราจะใช้ AI อย่างไรให้ก้าวทัน และได้เปรียบในการแข่งขัน?”

Google Cloud Next 2025: เมื่อ “อนาคต” มาถึงก่อนเวลา

งาน Google Cloud Next ปีนี้จัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก พร้อมการถ่ายทอดสดไปยังทั่วโลก โดย Google ได้เปิดเผยโซลูชันใหม่ ๆ ที่สร้างขึ้นบนเทคโนโลยี AI และ Cloud ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานขององค์กรอย่างลึกซึ้ง

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ การเน้นย้ำว่า AI จะไม่ใช่แค่ “เครื่องมือทางเลือก” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของธุรกิจ

5 เทรนด์ AI แห่งอนาคตจาก Google Cloud Next 2025

1. AI Assistant แบบฝังตัวในทุกผลิตภัณฑ์

Google Workspace เช่น Gmail, Docs, Slides และ Sheets ได้ถูกฝัง AI Assistant ไว้อย่างแนบเนียน เช่น:

  • “Help me write” สำหรับร่างอีเมลหรือเอกสาร

  • “Smart Summary” ที่สรุปข้อมูลหลายหน้าในไม่กี่วินาที

  • “AI Note-taking” สำหรับการประชุมแบบอัตโนมัติ

เป้าหมายคือให้พนักงาน “คิด” มากกว่าที่จะ “ทำซ้ำ”
และปล่อยงานที่ใช้เวลานานให้ AI จัดการแทน

2. Vertex AI: สร้างโมเดล AI เฉพาะทางได้ในไม่กี่คลิก

Vertex AI ได้รับการอัปเกรดให้ใช้งานง่ายขึ้น รองรับการลากวาง (drag-and-drop), การฝึกสอนโมเดลจากข้อมูลขององค์กรโดยไม่ต้องเขียนโค้ดมาก และรองรับ LLM (Large Language Model) ที่หลากหลาย

Google ยังแนะนำ “Gemini 2” ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่ที่ฉลาดกว่าเดิม รองรับคำสั่งหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ, รูปภาพ, เสียง และวิดีโอ พร้อมความสามารถในการเข้าใจความหมายอย่างลึกซึ้ง

3. AI กับการบริการลูกค้า (Customer Service Revolution)

Google Cloud เปิดตัวโซลูชัน Contact Center AI รุ่นใหม่ ที่สามารถ:

  • ฟังเสียงลูกค้าแบบเรียลไทม์

  • สรุปประวัติและบริบทให้พนักงาน

  • แนะนำคำตอบที่เหมาะสมให้ทันที

สิ่งนี้ช่วยลดเวลาในการตอบคำถาม เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และยังช่วยลดภาระของทีมบริการลูกค้าได้อย่างมาก

4. Responsible AI: ความรับผิดชอบและความโปร่งใส

Google ย้ำจุดยืนเรื่อง “AI ที่มีจริยธรรม” โดยเพิ่มฟีเจอร์ตรวจสอบความโปร่งใสของโมเดล AI เช่น:

  • Audit log ตรวจสอบว่า AI ตัดสินใจจากอะไร

  • Model explainability เข้าใจได้ว่า AI คิดอย่างไร

  • Data governance ที่เข้มงวด เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

ในอนาคต การมี AI ที่ “น่าเชื่อถือ” จะสำคัญยิ่งกว่าการมี AI ที่ “ฉลาด”

5. AI ผสาน Data = พลังใหม่ในการตัดสินใจ

Google BigQuery ได้รับการผสานเข้ากับ AI เต็มรูปแบบ ช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทำได้ทันที เช่น:

  • การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าตามเวลา

  • การคาดการณ์ความต้องการสินค้า

  • การสร้าง Dashboard อัจฉริยะที่ตอบคำถามด้วยภาษาธรรมชาติ

ทำให้การตัดสินใจขององค์กร “ไม่ใช่การเดา” แต่เป็นการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจริง

AI กำลังเปลี่ยน “ทุกอุตสาหกรรม”

จากการนำเสนอในงาน Google Cloud Next 2025 พบว่า AI เริ่มถูกใช้งานจริงในทุกภาคส่วน เช่น:

  • โลจิสติกส์: คาดการณ์การจัดส่งล่วงหน้า และจัดเส้นทางขนส่งด้วย AI

  • ค้าปลีก: วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคแบบเรียลไทม์และปรับโปรโมชั่นทันที

  • โรงงานผลิต: ตรวจจับข้อบกพร่องในสายการผลิตด้วยภาพจากกล้อง + AI

  • สายการเงิน: ใช้ AI วิเคราะห์ความเสี่ยงและตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ

 

แล้วธุรกิจไทยควรเริ่มต้นอย่างไร?

แม้ว่าเทคโนโลยีจะล้ำหน้าแค่ไหน แต่ “จุดเริ่มต้น” ที่ดีที่สุดคือการเริ่มจาก “สิ่งเล็ก ๆ ที่ทำได้เลยวันนี้”

แนวทางง่าย ๆ สำหรับองค์กรในไทย:

  • นำ AI มาใช้ใน การสรุปรายงาน, ช่วยเขียนเนื้อหา, หรือ สื่อสารกับลูกค้า

  • เริ่มเก็บข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการวิเคราะห์ด้วย AI

  • ใช้ระบบ Cloud ที่มี AI ฝังในตัว (เช่น Google Workspace หรือ Google Cloud)

องค์กรที่เริ่มใช้ AI ก่อน ย่อมได้เปรียบทั้งเรื่องต้นทุน ประสิทธิภาพ และการเข้าถึงลูกค้า

สรุป: โลกธุรกิจใหม่ = โลกที่มี AI เป็น “หุ้นส่วน”

Google Cloud Next 2025 ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า AI ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือเสริมอีกต่อไป แต่มันคือ “หุ้นส่วนทางกลยุทธ์” ขององค์กรในยุคใหม่

หากวันนี้คุณยังไม่เริ่มในอีก 1-2 ปีข้างหน้า คุณอาจต้องแข่งขันกับองค์กรที่ใช้ AI อย่างเต็มรูปแบบไปแล้ว

Share to everyone