เลข SKU คืออะไร ทำไมคนทำสายโลจิสติกส์ถึงควรรู้
เลข SKU (Stock Keeping Unit) คือ รหัสสินค้าที่มีการจำแนกประเภทสินค้าได้ละเอียดที่สุด ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ผลิต เจ้าของร้าน หรือผู้ซื้อสามารถแบ่งแยกความแตกต่างของสินค้าแต่ละชิ้นได้ และไม่ให้เกิดความสับสนในการสั่งซื้อสินค้า เลข SKU จะถูกกำหนดโดยเจ้าของร้านค้า เพื่อระบุและติดตามสินค้าในคลังสินค้า เลข SKU ไม่ใช่ตัวเลขหรือรหัสที่ได้มาจากผู้ผลิตแต่อย่างใด ดังนั้นเจ้าของร้านค้าควรสร้าง SKU ในลักษณะที่มีความหมายและเข้าใจง่ายต่อตนเอง
เลข SKU มีความสำคัญต่อคนทำสายโลจิสติกส์เป็นอย่างมาก เนื่องจากช่วยให้สามารถจัดการสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ ดังนี้
-
- เพิ่มประสิทธิภาพการจัดส่งสินค้า: เลข SKU ช่วยติดตามตำแหน่งของสินค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างแม่นยำและทันเวลา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
- ลดต้นทุนการจัดเก็บ: เลข SKU ช่วยติดตามระดับสต็อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการจัดเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียสินค้า และประหยัดพื้นที่จัดเก็บ
- ปรับปรุงการบริการลูกค้า: เลข SKU ช่วยติดตามสถานะการสั่งซื้อสินค้าแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถแจ้งสถานะการสั่งซื้อสินค้าให้ลูกค้าทราบได้อย่างรวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ เลข SKU ยังสามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสินค้า เช่น ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ระบบติดตามสินค้า (RFID) เป็นต้น
แล้ว SKU ต่างกับรหัสสินค้าอย่างไร
ปัญหาที่พบบ่อย คือ หลายคนไม่รู้ว่า SKU กับ Parent SKU คือรหัสสินค้าต่างกันโดยรหัสสินค้าจะสามารถกำหนดได้เพียง 1 รหัสต่อ 1 รายการ แต่หากสินค้านั้น ๆ มีรายละเอียดย่อยลงไป เช่น ขนาด ลวดลาย สี ก็จะไม่สามารถใช้รหัสสินค้าแบ่งได้ซึ่งหากจะรู้จำนวนแต่ละแบบที่แน่ชัด เช่น มีเสื้อไซซ์ M สีดำกี่ตัวก็จะต้องอาศัยระบบ SKU เข้ามาเป็นตัวช่วยในการติดตามจำนวนสินค้าเพื่อให้ได้ความละเอียดและแม่นยำขึ้น
ตัวอย่าง ร้านขายรองเท้าสนีกเกอร์
Parent SKU (รหัสสินค้า) จะมีรองเท้า AD ที่มี 4 รุ่น คือ รุ่น 001, 002, 003 และ 004 จึงมีการกำหนดรหัสสินค้าออกเป็น 4 อันคือ AD001, AD002, AD003 และ AD004
Stock Keeping Unit (SKU) ซึ่งรองเท้า AD แต่ละรุ่นมี 3 ไซซ์ คือ 38, 39, 40 และมี 2 สีคือ ขาวและดำ โดยรหัส SKU จะเป็นแบบนี้
ประโยชน์ที่คุณจะได้รับหากใช้ระบบ SKU ในการจัดการสต๊อกสินค้า
-
- เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสต๊อกสินค้า: ระบบ SKU ช่วยระบุและติดตามสินค้าแต่ละชิ้นได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถตรวจสอบสต๊อกสินค้าได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหายหรือความเสียหายของสินค้า
- ลดต้นทุนในการจัดการสต๊อกสินค้า: ระบบ SKU ช่วยวางแผนการจัดเก็บสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถประหยัดพื้นที่จัดเก็บและลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า
- ปรับปรุงความแม่นยำในการสั่งซื้อสินค้า: ระบบ SKU ช่วยติดตามระดับสต๊อกสินค้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถสั่งซื้อสินค้าได้อย่างเหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการ ช่วยลดต้นทุนในการสั่งซื้อสินค้า
- ปรับปรุงการบริการลูกค้า: ระบบ SKU ช่วยติดตามสถานะการสั่งซื้อสินค้าและการจัดส่งสินค้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถแจ้งสถานะการสั่งซื้อสินค้าให้ลูกค้าทราบได้อย่างรวดเร็ว สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ ระบบ SKU ยังสามารถใช้ร่วมกับเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสต๊อกสินค้า เช่น ระบบจัดการคลังสินค้า (WMS) ระบบติดตามสินค้า (RFID) เป็นต้น
ตัวอย่างประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของการใช้ระบบ SKU ในการจัดการสต๊อกสินค้า มีดังนี้
-
- ร้านค้าปลีกสามารถลดเวลาในการนับสต๊อกสินค้าได้อย่างมาก โดยสามารถนับสต๊อกสินค้าด้วยตนเองหรือใช้เครื่องนับสินค้าอัตโนมัติร่วมกับระบบ SKU
- โรงงานอุตสาหกรรมสามารถติดตามวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปตลอดกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหายหรือความเสียหายของสินค้า
- ธุรกิจขนส่งสามารถติดตามตำแหน่งของสินค้าระหว่างการขนส่งได้อย่างเรียลไทม์ ช่วยลดความเสี่ยงในการสูญหายหรือเสียหายของสินค้า
บทสรุป
คงจะพอเข้าใจระบบ Stock Keeping Unit หรือเลข SKU ที่จะเข้ามาช่วยในการจำแนกสินค้าแต่ละรายการให้มีความละเอียดแม่นยำมากขึ้นทำให้จัดการสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนำไปสู่การต่อยอดที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานในการวางแผนเติมสต๊อกสินค้าได้ทันตามความต้องการ คัดสินค้าที่ขายยากมาทำโปรโมชั่นเพื่อปล่อยสินค้าออกได้เร็วขึ้นด้วยระบบการอัพเดตสต๊อกแบบเรียลไทม์ทำให้คนทำงานง่ายและสินค้ากระจายสู่มือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องคำนึงถึงการสร้าง SKU ที่ต้องคีเวิร์ดไม่ซ้ำ รหัส SKU สั้นและเลี่ยงเลข 0 ตัวแรกที่ยิ่งช่วยให้ระบบการจัดการสต๊อกสินค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ที่มา : zortout