วิธีปรับองค์กรให้ก้าวทันโลกในยุค Digital Disruption

 

ในโลกยุคปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของผู้บริโภค จนส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องเร่งปรับตัวให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตัวธุรกิจหรือองค์กรที่ปรับตัวไม่ทัน ก็อาจจะต้องเผชิญเข้ากับวิกฤติ Digital Disruption อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นวันนี้ Easetrack จึงอยากจะแชร์แนวทางการรับมือกับยุค Digital Disruption ที่มีประสิทธิภาพ ให้กับผู้ที่สนใจได้รู้กันครับ ว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้ตัวธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป

 

การรับมือกับ Digital Disruption

 

1. ทยอยปรับเปลี่ยน “วิธีคิด” และ “วัฒนธรรมองค์กร”

การปรับทัศนคติและวัฒนธรรมองค์กรให้เหมาะสมกับบริบทของสังคม ถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม เพราะในช่วงเวลาที่โลกแห่งเทคโนโลยีกำลังพัฒนาเติบโตอย่างก้าวกระโดด ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดผลิตภัณฑ์ แพลตฟอร์ม หรือโมเดลธุรกิจแบบใหม่ขึ้น จนส่งผลให้หลายธุรกิจต้องประสบปัญหา Digital Disruption ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนวิธีคิดและทัศนคติให้เหมาะสมกับยุคสมัยจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

แต่ถึงกระนั้นการทำธุรกิจก็มีปัจจัยอื่นอีกมากมาย ที่ส่งผลให้การปรับตัวไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด หลายธุรกิจรู้ตัวล่วงหน้าก่อนด้วยซ้ำว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถปรับตัวได้ทัน จนต้องเผชิญกับเข้าวิกฤติ Digital Disruption ไปเต็ม ๆ เพื่อไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น การเตรียมพร้อมด้วยการปรับวัฒนธรรมองค์กรให้มีความยืดหยุ่นและทันสมัยอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น แม้การปรับตัวจะไม่สามารถทำได้ในทันที แต่การทยอยทำไปทีละส่วน ปรับเปลี่ยนแก้ไขกันไปทีละนิด ก็จะสามารถช่วยให้องค์กรสามารถก้าวผ่านปัญหาไปได้แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม

 

 

2. เพิ่มทักษะความรู้และความสามารถที่จำเป็นให้กับบุคลากร

ถ้าหากตัวธุรกิจต้องการปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีและสังคมบริบทโลก ความรู้ความสามารถของบุคลากรจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ เพราะเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นนั้น ต่างก็มีวิธีการใช้และขั้นตอนการทำงานที่แตกต่างไปจากเก่า หากต้องการให้เทคโนโลยีเหล่านี้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวธุรกิจมากที่สุด บุคลากรก็จำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์และความรู้มากพอที่จะใช้งานเครื่องมือได้อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

ตัวองค์กรจึงต้องพร้อมในการทำ Digitization เพื่อสนับสนุนบุคลากรให้สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้อย่างเต็มที่ อาจจัดกิจกรรมหรือการอบรมที่เป็นประโยชน์ให้กับพนักงาน ส่งเสริมให้พวกเขาได้ลองใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย จนมีความมั่นใจ พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงภายในที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และทันท่วงที มีข้อสังเกตสำคัญคือ ยิ่งพนักงานมีความรู้และความเข้าใจในเทคโนโลยี เทรนด์ และกระแสสังคมที่เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ ตัวธุรกิจก็จะยิ่งได้รับประโยชน์และสามารถก้าวผ่านปัญหาที่เกิดขึ้นได้มากเท่านั้น

 

 

3. เปลี่ยนขั้นตอนการดำเนินงานให้ยืดหยุ่นและทันสมัย

เมื่อเราปรับวัฒนธรรมองค์กรและเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรแล้ว สิ่งสำคัญอันดับถัดมาคือขั้นตอนการดำเนินงานที่ต้องเปลี่ยนให้ทันสมัย และเหมาะสมกับเทคโนโลยีใหม่ที่เปลี่ยนไป เพราะแนวทางการทำงานในรูปแบบเดิม ๆ อาจสร้างความล่าช้าและเป็นต้นเหตุให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ตัวองค์กรจึงจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานภายในเสียใหม่ ให้มีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการปรับตัวมากที่สุด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นควรคำนึงถึงเวลาทำงานจริงเป็นสำคัญ ว่าเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้มีทิศทางและความเป็นไปได้ในรูปแบบใดได้บ้าง

 

โดยตัวองค์กรอาจเริ่มต้นจากการสำรวจว่าบุคลากรสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นหรือไม่ มีปัญหามีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นหลังจากนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้หรือเปล่า ซึ่งถ้าหากมีปัญหา ตัวองค์กรก็ควรรีบลงมือแก้ไขเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะยิ่งคุณแก้ไขปัญหาได้เร็วมากเท่าไหร่ ตัวธุรกิจก็จะสามารถก้าวผ่านปัญหา Digital Disruption ได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น

 

 

4. เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมมาวางรากฐานการทำงานให้กับองค์กร

การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตัวธุรกิจนั้น แม้จะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหา Digital Disruption ที่ตรงจุดและควรทำมากที่สุด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกธุรกิจจะสามารถทำได้เหมือนกันหมด บางองค์กรอาจต้องเผชิญเข้ากับปัญหาหรือข้อจำกัดบางอย่าง ที่ทำให้ไม่สามารถใช้งานนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีได้อย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นเพื่อให้การปรับตัวเกิดความลื่นไหล สามารถทำงานต่อได้แม้จะเกิดความเปลี่ยนแปลง ตัวธุรกิจจึงต้องไม่ลืมวางรากฐานเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับองค์กรก่อนเป็นอันดับแรก

 

โดยอาจจะนำเอาเทคโนโลยีหรือเครื่องมือบางอย่างมาใช้ เพื่อยกระดับการทำงานในขั้นพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพและเอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ซึ่งถ้าหากตัวองค์กรสามารถวางรากฐานไว้ได้อย่างมั่นคง แข็งแรง และเป็นระบบ ช่วงเวลาที่ตัวธุรกิจใช้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็จะสั้นและเกิดปัญหาตามมาน้อยที่สุดนั่นเอง

 

 

โดยสรุปแล้วDigital Disruption ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหากรู้จักการปรับตัวและรับมือได้ สามารถใช้เป็นแนวทางที่นำไปปรับใช้ภายในองค์กร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการรับมือกับยุค Digital Disruption แต่ถ้าธุรกิจที่ไม่พร้อมที่จะปรับตัวให้กับสิ่งใหม่ในอนาคตมักจะพบเจอกับการรับมือที่ยากมากขึ้น เพราะในอนาคตความต้องการและความเปลี่ยนแปลกจะเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผู้ประกอบธุรกิจจะจินตนาการหรือคาดเดาจากมันได้ ทาง Easetrack จึงเล็งเห็นความสำคัญของขั้นตอนนี้ จึงมุ่งเน้นพัฒนาระบบต่าง ๆ ด้วยความใส่ใจ เราพร้อมวางรากฐานให้ทุกองค์กรมีระบบขั้นตอนการทำงานที่ทันสมัยและตอบโจทย์ต่อการรับมือ Digital Disruption ในทุกรูปแบบได้อย่างครอบคลุมที่สุด

 

ขอบคุณที่มา : techtarget

รูปภาพ : frepik

Share to everyone